วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Cream / Lotion / Gel / Serum / Essence ต่างกันยังไงบ้าง??



Cream / Lotion / Gel / Serum / Essence
ครีม / โลชั่น / เจล / เซรั่ม / เอสเซ้นส์

ต่างกันยังไงบ้าง??

** วิวจะขอแยกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นนะคะ **

กลุ่ม 1. Cream / Lotion
กลุ่ม 2. Gel
กลุ่ม 3. Serum / Essence


มาดูกลุ่มแรกกันค่ะ... 

กลุ่ม 1. Cream / Lotion

ครีม / โลชั่น เป็นคำที่ทุกคนคุ้นเคยกันอยู่แล้วแน่นอนค่ะ สำหรับทางเครื่องสำอาง จะเรียกกลุ่มนี้ว่า อิมัลชั่น (Emulsion) ขออธิบายคำจำกัดความของ อิมัลชั่น นิดนึงนะคะ

** Emulsion หมายถึง ผลิตภัณฑ์รูปแบบหนึ่งที่ประกอบด้วยของเหลวอย่างน้อย 2 ชนิด ซึ่งไม่เข้ากัน นำมาผสมผสานกัน โดยมีตัวช่วยที่เรียกว่า สารก่ออิมัลชั่น (Emulsifier) เพื่อทำให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว เนื้อที่เข้ากันนี้หากขยายดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะเห็นเป็น 2 ส่วน คือ มีหยดเล็กๆ กระจายตัวแทรกอยู่ในของเหลวอีกส่วนหนึ่ง


จากรูป 
ครีม / โลชั่น มีหลักการ คือ ผสมส่วนน้ำมัน (Oil) และน้ำ (Water) ซึ่งปกติน้ำมันกับน้ำจะไม่เข้ากัน ทำให้แยกชั้นกันอย่างชัดเจน แต่เมื่อมีสารก่ออิมัลชั่น (Emulsifier) โดยใช้แรงในการคนผสมร่วมกับเทคนิคทางเครื่องสำอาง ก็จะทำให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว เป็นเนื้อครีมหรือเนื้อโลชั่นออกมาค่ะ

** โดยสัดส่วนของ Oil และ Water ต่างกันก็จะให้เนื้อครีมหรือเนื้อโลชั่นที่มีรูปแบบต่างกัน คือ

-    ส่วนของน้ำมันปริมาณน้อยกว่าน้ำ จะเรียกว่า O/W (Oil in Water) Emulsion ซึ่งภายนอกจะเป็นน้ำ ทาแล้วกระจายตัวดี เช่น ครีมทาหน้า โลชั่นทาผิว ทาแล้วไม่เหนอะหนะ ทำให้อิมัลชั่นชนิดนี้นิยมในทางเครื่องสำอางค่ะ

-    ส่วนของน้ำปริมาณน้อยกว่าน้ำมัน จะเรียกว่า W/O (Water in Oil) Emulsion ภายนอกจะเป็นน้ำมัน จะมีความชุ่มชื้นมาก มีความเหนอะหนะ จึงนิยมในกลุ่ม ครีมทากลางคืน (Night Cream) หรือ ครีมนวดหน้า นวดตัว (Massage Cream) เป็นต้น

** ทั้งครีมและโลชั่น สามารถเป็นได้ทั้ง O/W และ W/O นะคะ 

แล้วสรุปความแตกต่างของครีมและโลชั่น คืออะไร??
ตอบ ความหนืดค่ะ

-    ครีมจะมีความเข้มข้นหรือความหนืดมากกว่าโลชั่น เนื้อครีมจะหนักกว่า และซึมเข้าผิวยากกว่าโลชั่น เพราะฉะนั้น เนื้อครีมจะเหมาะกับคนที่ผิวแห้งหรือผิวธรรมดา เพราะต้องการให้ความชุ่มชื้นที่ผิวคงอยู่ เพราะมีการปกคลุมด้วยเนื้อครีมเคลือบอยู่ที่ผิว ป้องกันน้ำในผิวระเหยออกไปค่ะ

-    โลชั่นจะมีความเข้มข้นหรือความหนืดน้อยกว่า เนื้อโลชั่นจะเบากว่า ซึมเข้าผิวง่ายกว่า ทาแล้วสบายตัว ไม่เหนอะหนะที่ผิวค่ะ จึงนิยมเป็นอิมัลชั่นประเภท O/W นะคะ


กลุ่ม 2. Gel

เจล เป็นสารประเภทโพลิเมอร์ (Polymer) ค่ะ ซึ่งโพลิเมอร์ คือสารที่มีโครงสร้างโมเลกุลเป็นสายโซ่ยาว มีโครงสร้างกักเก็บและอุ้มน้ำไว้ได้เยอะ 


โดยในทางเครื่องสำอางก็จะมีการใช้สารก่อเจลชนิดต่างๆให้เหมาะกับประเภทและคุณสมบัติของเครื่องสำอางนั้นๆ มีทั้งแบบความหนืดมากและความหนืดน้อย 

ยกตัวอย่างเช่น Hair Gel จะมีความหนืดมากเพื่อการใช้เซ็ททรงผม ส่วน Eye Gel ก็จะมีความหนืดลดลงมา สำหรับการทารอบดวงตาแล้วมีความลื่นไปกับผิวรอบดวงตา ทาแล้วซึมไปที่ผิวได้ดีรวมทั้งทิ้งความชุ่มชื้นไว้ด้วย


กลุ่ม 3. Serum / Essence

-    Serum (เซรั่มหรือซีรั่ม)
เซรั่มในทางเครื่องสำอาง คือผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นของสารสำคัญ (Active Ingredients) สูงๆ โดยมีเนื้อที่เบาและซึมเร็ว สังเกตได้จากเวลาทาที่ผิว เนื้อเซรั่มจะซึมเข้าไปที่ผิวไม่เกิน 1-2 นาที ทำให้ผิวได้รับสารสำคัญได้เข้มข้นและมีประสิทธิภาพ จึงเห็นผลไวกว่ากลุ่มครีมทั่วไป



-    Essence (เอสเซ้นส์)
ความหมายของเอสเซ้นส์ก็คือเซรั่มนั่นเอง แต่เรียกในทางการตลาดให้ต่างกัน มีความเข้มข้นของสารสำคัญ (Active Ingredients) สูงๆ เหมือนเซรั่ม เพียงแต่ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของน้ำอยู่มาก ทำให้มีความบางเบา ความหนืดน้อยมากๆ แทบจะเป็นน้ำเลยทีเดียว ทำให้ไหลตัวดี เกลี่ยง่ายที่ผิวค่ะ


สรุปแล้วในทางเครื่องสำอางก็จะมีคำเรียกของประเภทผลิตภัณฑ์แตกต่างกันไปนะคะ 

ขึ้นอยู่กับการใช้งาน คุณสมบัติที่ให้กับผิวค่ะ ส่วนในโครงสร้างเชิงลึกของสารที่ใช้ก็จะแตกต่างกันไปตามสัดส่วนของส่วนผสม 

ดังนั้น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ก็ต้องดูสภาพผิวของเราก่อนนะคะ ว่าควรใช้ผลิตภัณฑ์แนวไหน ที่สำคัญต้องทดสอบการแพ้ด้วยค่ะ เพื่อความปลอดภัย และสวยอย่างยั่งยืนนะคะ











                                                                                                                      
      View "Cosmetics Scientist" 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น